ของหวานที่น่าทานที่สุด
ข้าวเหนียวมะม่วง
ขนมหวานแบบไทยๆ
ที่นำมะม่วงสุกเหลืองอร่ามมาทานคู่กับข้าวเหนียวมูนราดด้วยน้ำกะทิ
ฟังแล้วชวนน้ำลายสอเป็นอย่างยิ่ง โดยได้รับความนิยมจากทั้งชาวสยามและชาวต่างชาติ
ทั้งยังสามารถหาลิ้มลองได้ทั้งที่โรงแรม ห้างสรรพสินค้า ภัตตาคาร
และร้านอาหารตามท้องถนนทั่วไป
แครมบรูเล่ ( Creme Brulee)
แม้ชื่อจะฟังดูแล้ว ฝรั่งเศสสุดๆ
แต่อย่าเพิ่งด่วนตัดสินว่าเป็นเช่นนั้น
เนื่องจากวิทยาลัยทรินิตี้ในเคมบริดจ์ได้อ้างว่าพวกเขาคือต้นตำรับผู้คิดค้น
ขนมสูตรเด็ดนี้ในช่วงต้นศตวรรษที่ 1600 อย่างไรก็ตาม ถึงจะมีจุดกำเนิดจากอังกฤษ
แต่เชื่อแน่ว่าคงไม่มีสถานที่ใดเหมาะแก่การทานคัสตาร์ดเย็นๆ โรยด้วยน้ำตาลไหม้
ได้เท่ากับใต้หอไอเฟลที่ประดับด้วยไฟสว่างไสวในยามค่ำคืนในกรุงปารีส
นาไนโม บาร์ ( Nanaimo Bars)
แคนาดาขึ้นชื่อเรื่อง
ขนมหวาน ? ได้ยินแล้วไม่ต่างกับการพูดว่ากรุงเทพขึ้นชื่อเรื่องทะเลยังไงยังงั้น
แต่กระนั้น ขนมรสเลิศดังกล่าวก็มีที่มาจากเกาะแวนคูเวอร์ในเมืองนาไนโม
รัฐบริติชโคลัมเบีย
โดยได้รับการสร้างสรรค์ขึ้นจากฝีมือแม่บ้านท้องถิ่นซึ่งได้ส่งเจ้าขนมทรง
จัตุรัสชิ้นนี้ไปประกวดในนิตยสารและคว้ารางวัลชนะเลิศมาได้ ปัจจุบัน
เป็นที่ชื่นชอบของผู้คนในแถบอเมริกาเหนือ
แอปเปิ้ล พาย ( Apple Pie )
เช่นเคย แม้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ
แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อน ตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา
พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกด้วย
จึงทำให้มันมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวมะกัน
แต่ไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอนหรือภัตตาคารในแอลเอ
แอปเปิลพายก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าเหมือนกัน
แบล็คฟอเรสท์เค้ก ( BlackForestCake )
ด้วยความมีชื่อเสียง ในเรื่องชนิทเซล
เบียร์ และเค้กรสชาติอร่อยมากมาย
จึงไม่น่าแปลกใจที่เยอรมนีจะกลายเป็นสถานที่ดื่ม-กินยอดนิยมของเรา
โดยเจ้าช็อกโกแลตเค้กที่ทับซ้อนหลายชั้นด้วยครีม เชอร์รี่ และบรั่นดีผลไม้นี้ถือกำเนิดขึ้นในช่วงต้นยุค
1900 ทางตอนใต้ของเยอรมนี
(ภายหลังได้รับการปรุงแต่งให้สมบูรณ์ยิ่งขึ้นด้วยฝีมือของช่างทำเค้กในกรุง
เบอร์ลิน) และทุกวันนี้เป็นทื่ชื่นชอบของคนทั่วโลก ซึ่งแน่นอนว่า
นี่ก็เป็นหนึ่งในของโปรดของเราเช่นกัน
ฮาโล ฮาโล ( Halo Halo)
จานเด็ดของชาว ฟิลิปปินส์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังไม่แพ้ไข่บาลุท
แต่รับประกันได้ว่าไม่น่าสะอิดสะเอียน ทั้งนี้ ฮาโล ฮาโล ไม่มีสูตรการทำที่แน่นอน
แต่ดูๆ ไปก็ไม่ต่างอะไรกับน้ำแข็งใสของบ้านเรา
โดยนำน้ำแข็งบดมาเติมด้วยเครื่องเคียง เช่น ถั่วเขียว ลูกตาล ขนุน มะพร้าวอ่อน
ไอศกรีม วุ้นมะพร้าว สับปะรด และอื่นๆ
ก่อนจะปิดท้ายด้วยการราดนมข้นหวานและน้ำเชื่อม
โดยสามารถหารับประทานได้ทุกที่ในกรุงมะนิลา
กุหลับ จามาน ( Gulab Jamun)
ก้อนขนมปังหวานที่คง
ไม่ถูกปากฝรั่งตาน้ำข้าว แต่คอนเฟิร์มว่าอยู่ในรายชื่อขนมอันดับต้นๆ ของชาวอินเดีย
และเมื่อมีคนกว่าพันล้านคนชื่นชอบ ก็ยากจะปฏิเสธได้ว่ามันไม่อร่อย
ปกติแล้วมักทำขึ้นโดยใช้ครีมสองชั้นและราด้วยน้ำเชื่อมเข้มข้น
เป็นที่นิยมในอินเดีย ปากีสถาน เนปาล และประเทศในแถบเอเชียใต้
ไดฟุกุ ( Daifuku )
ขนมเจลลาตินทรงกลมจาก
แดนอาทิตย์อุทัยมักสอดไส้ไว้ด้วยถั่วแดงหวาน (และบางครั้งก็อาจเป็นแยมสตอเบอร์รี่)
โรยด้วยแป้งบางๆ โดยสามารถหาซื้อมารับประทานได้ทั้งจากกรุงโตเกียว โอซาก้า เกียวโต
นากาโนะ และทุกแห่งในญี่ปุ่น
บาคลาวา ( Baklava)
ประวัติที่แท้จริงของ
บาคลาวายากที่จะระบุให้แน่ชัด เพราะว่ากันว่ามันมีต้นกำเนิดจาก จักรวรรดิอ็อตโตมัน
ดินแดนเมโสโปเตเมีย และอาหรับ
โดยขนมหวานชนิดนี้ทำขึ้นจากการนำแป้งฟิลโลมาสอดไส้ไว้ด้วยถั่ว น้ำผึ้ง หรือน้ำเชื่อม
หากต้องการลิ้มลองรสชาติแบบต้นตำรับก็ต้องไปรับประทานถึงถิ่นที่อ้างว่าเป็น
จุดกำเนิด ทั้งกรุงอิสตันบูล กรุงเอเธนส์ และกรุงเบรุต
แม้แต่ละที่อาจจะมีรสแตกต่างกันไปบ้าง แต่ก็ยังการันตีได้ถึงความเอร็ดอร่อย
ทีรามิสุ ( Tiramisu )
เค้กชื่อดังของอิตาลี
ทำขึ้นจากเลดี้ฟิงเกอร์ราดเอสเปรสโซ่ สอดไส้ด้วยมาสคาร์โปนชีสและซาบากลิออเน
ลือกันว่าทีรามิสุมีจุดกำเนิดมาจากการที่แม่บ้านของทหารในสงครามโลกครั้งที่
สองทำเค้กให้สามีรับประทาน
โดยเชื่อว่าส่วนผสมของคาเฟอีนกับน้ำตาลจะช่วยให้พวกเขามีพลังและแคล้วคลาด
จากอันตราย ช่างโรแมนติคเสียนี่กะไร เหมาะจะเป็นของหวานรับวันวาเลนไทน์โดยแท้
เเหล่งที่มา http://travel.truelife.com/detail/382503
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น